“Lamborghini Bangkok ” เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ซูเปอร์คาร์ระดับโลกในประเทศไทยอย่างสมศักดิ์ศรี

นายเฟเดอริโก ฟอสชินี (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์นายมัตเตโอ ออเทนซี่ (ซ้ายสุด) ประธานกรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี จำกัด นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์(กลาง) ประธานกรรมการ ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล (ที่ 2 จากขวา) กรรมการ และนาย ศักดิ์ นานา (ขวาสุด) กรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด• 

ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ถือเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายที่ใหญ่ที่สุดของลัมโบร์กินีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้พื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น5,000 ตารางเมตร (โดยแบ่งเป็นพื้นที่ในโชว์รูม 465 ตารางเมตร)

• นายเฟเดอริโก ฟอสชินี ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี จำกัด พร้อม นายมัตเตโอ ออเทนซี่ ประธานกรรมการบริหารลัมโบร์กินี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมเป็นสักขีพยาน
ในงานเปิดตัวครั้งสำคัญ

• บริหารงานโดยทีมที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลรถซูเปอร์คาร์หรูมากว่า 20 ปี พร้อมบริการจากทีมช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น

บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ในเครือชาริช โฮลดิ้ง เปิดบันทึกหน้าสำคัญในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งเป็นหนึ่งในศูนย์บริการ ที่สามารถรองรับรถเข้าซ่อมบำรุงได้มากที่สุดของทุกภูมิภาค

หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และการเปิดตัวรถยนต์ลัมโบร์กินี อูรุส ซูเปอร์เอสยูวีที่เร็วที่สุดในโลก ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในชีวิตประจำวันของครอบครัวยุคใหม่ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ลัมโบร์กินีในประเทศไทย โดยโชว์รูมและศูนย์บริการของลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ที่ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งอยู่บนพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นกว่า 5,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่ภายในโชว์รูม 465 ตารางเมตร พื้นที่ภายในศูนย์บริการกับคลังอะไหล่ 1,720 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานกับพื้นที่ใช้สอยเบ็ดเตล็ดอีก 2,538 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร บนถนนวิภาวดีรังสิต

นายเฟเดอริโก ฟอสชินี ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี จำกัด 
กล่าวว่า “ลัมโบร์กินีได้พิสูจน์ถึงความสำเร็จอย่างเสมอต้นเสมอปลาย โดยในปี 2561 ยังคงประสบความสำเร็จอย่างสูงติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ซึ่งยืนยันถึงความยั่งยืนของกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์รถซูเปอร์สปอร์ตและด้านการค้าของเรา นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นั่นคือการเปิดตัวกระทิงดุสายพันธุ์ใหม่ “ลัมโบร์กินี ฮูราแคน อีโว” Lamborghini Huracán EVO ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ ภายใต้กลยุทธ์การบริหารแบรนด์รถซูเปอร์สปอร์ต ควบคู่ไปกับรถซูเปอร์เอสยูวี”

นายมัตเตโอ ออเทนซี่ ประธานกรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบริษัท ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี จำกัด กล่าวว่า “ลัมโบร์กินี เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับเชื่อถือจากลูกค้าทั่วโลก การประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายใหม่ได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยการได้ร่วมงานกันระหว่างลัมโบร์กินีและบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ในเครือชาริช โฮลดิ้ง จะช่วยสื่อสารคุณค่า ภาพลักษณ์ และแนวทางการดำเนินงานอันน่าเชื่อถือ ไปยังแฟนลัมโบร์กินีทั้งกลุ่มลูกค้าและผู้ที่สนใจ โดย ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ จะยิ่งช่วยเสริมแบรนด์ที่แข็งแรงอยู่แล้วให้แกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถลัมโบร์กินีที่เหนือระดับที่ใครก็เทียบไม่ได้”

นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัดกล่าวว่า “การเป็นเจ้าของรถลัมโบร์กินีหมายถึงเอกสิทธิ์ในระดับสูงสุดของการขับขี่ ดังนั้น ลัมโบร์กินีกรุงเทพฯ จึงคัดสรรและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบ การก่อสร้าง การตกแต่ง เพราะการขายและการให้บริการรถซูเปอร์คาร์ระดับโลกนั้น ต้องมาพร้อมกับมาตรฐานชั้นนำระดับโลก เพื่อให้เจ้าของรถผู้ทรงเกียรติ และผู้มาเยือนทั้งหลายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์เสมือนการได้รับบริการจากโรงแรมระดับ 6 ดาว รวมถึงการซ่อมบำรุงที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส ซึ่งรวมถึงด้านความปลอดภัย และความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่เจ้าของผู้ครอบครองรถลัมโบร์กินีทุกท่าน มาตรฐานบริการระดับโลกเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ลัมโบร์กินีเป็นแบรนด์ซูเปอร์คาร์ชั้นแนวหน้าที่ครองใจคนไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ”

โชว์รูมและศูนย์บริการของลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ มีการตกแต่งภายนอกที่สะดุดตาด้วยโลโก้ลัมโบร์กินีสีเหลืองบนพื้นหลังสีดำ เมื่อเข้าสู่ด้านในจะพบกับเหลี่ยมมุมการดีไซน์ที่ลุ่มลึก พื้นผิวและการจัดแสงที่รับกัน ช่วยขับความงามของลัมโบร์กินีที่เป็นดั่งชิ้นงานศิลปะให้โดดเด่นออกมา ผู้มาเยือนจะ “สัมผัสและรู้สึก” ได้ถึงประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งจิตวิญญาณของลัมโบร์กินี โดยเฉพาะห้อง AdPersonam ที่สามารถเลือกปรับแต่งรถลัมโบร์กินีให้สะท้อนบุคลิกได้ตามต้องการ พร้อมเห็นตัวอย่างการตกแต่งภายนอกและภายใน
ด้วยระบบ Interactive

ศูนย์บริการลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งแรกที่เป็นห้องปิดติดระบบปรับอากาศทั้ง 7 ช่องซ่อม พร้อมให้บริการด้วยความใส่ใจตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ควรค่ากับเจ้าของลัมโบร์กินีผู้ทรงเกียรติพึงได้รับ พร้อมให้บริการด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ครบถ้วน และทีมงานทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์มากกว่า 20 ปี สามารถรองรับรถลัมโบร์กินีได้มากกว่า 1,000 คันต่อปี ทำให้มั่นใจได้ว่าทีมงานสามารถวิเคราะห์สภาพรถและปรับแต่งให้รถหรูของทุกท่านพร้อมโลดแล่นด้วยสมรรถนะสมบูรณ์แบบมากที่สุด

นอกจากนี้ ในงานฯ ยังได้จัดแสดง “ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ”Lamborghini Aventador SVJ ให้แฟนพันธุ์แท้ลัมโบร์กินีในเมืองไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดย ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจเป็นรถยนต์แบบโปรดักชั่น ที่สามารถทำลายสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในสนามนูเบิร์กริง (ด้วยเวลาเพียง 6.44.97 นาที) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ข่วยให้ทะยานจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว อเวนทาดอร์ เอสวีเจ มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น อเวนทาดอร์ เอสวีเจ ถึง 40% ส่งผลให้อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ลัมโบร์กินี