Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo

Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo

Porsche Panamera รุ่นล่าสุด ที่มีพละกำลังมหาศาลกว่า 680 แรงม้า พร้อมเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางถึง 49 กิโลเมตร เป็น Sport Turismo Plug-in Hybrid ที่ทรงพลังที่สุด

Porsche เพิ่มทางเลือกอีกระดับให้แก่ยนตกรรม Hybrid ด้วยการประจำการระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid สมรรถนะสูงให้แก่ Porsche Panamera Sport Turismo (ปอร์เช่ พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่) รุ่นใหม่ ในชื่อว่า Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo (ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่) เรือธงลำใหม่ประจำอนุกรม สปอร์ตซีดานพันธุ์หรู

ไม่เพียงแต่ดุลยภาพระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพเท่านั้นที่ทำให้ Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo สามารถก้าวขึ้นครองบัลลังก์ยานยนต์แกรนด์ทัวริ่งระดับหรูได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่ยังหมายรวมถึงความพิเศษอื่นๆ ที่ Porsche บรรจงสร้างสรรค์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ บรรทุกสัมภาระได้อย่างสะดวกสบาย จากการลดความสูงของขอบฝาท้าย ปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องโดยสารเพื่อเพิ่มปริมาตรความจุห้องเก็บสัมภาระและ พร้อมรองรับผู้โดยสารเต็มพิกัดถึง 4+1 ที่นั่ง นี่คือรุ่นสูงสุดของตระกูลยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสายพันธุ์หรู ยานยนต์ผู้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ในแง่ของอรรถประโยชน์จากการใช้งานในชีวิตประจำวัน Porsche ประสานเอกลักษณ์ ในงานออกแบบดีไซน์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับอัจฉริยภาพของความสะดวกสบายและที่สำคัญยังคงรักษาเอาไว้ซึ่งสมรรถนะ การขับขี่และประสิทธิภาพสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลง

อัตลักษณ์แห่งงานดีไซน์ สปอยเลอร์หลังคาปรับระดับอัตโนมัติ ห้องโดยสาร 4+1 ที่นั่งแนวคิดใหม่

โดยภาพรวมแล้ว Sport Turismo รุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ คือผลลัพธ์ของการออกแบบอย่างทันสมัย ละเมียดละไม แนวหลังคาที่ลากยาวต่อเนื่องจรดท้ายรถ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นสปอร์ต ซาลูนนั้น มีส่วนช่วยให้ การเข้าถึงและออกจากห้องโดยสารตอนหลัง เป็นไปด้วยความสะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้าสำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้เป็นอย่างมาก อรรถประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมจากบาน ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ซึ่งสามารถเปิดกว้างด้วยระบบไฟฟ้าและขอบของพื้นที่บรรทุกที่วางตัวสูงจากพื้นเพียง 628 มิลลิเมตร

อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเติมใน Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo คือเบาะนั่งตอนหลังที่สามารถใช้งานในแบบ 2+1 นั่นเอง และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ Porsche Panamera Sport Turismo คันนี้ กลายเป็นยนตกรรม 4+1 ที่นั่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ Porsche Panamera Sport Turismo สามารถเลือกสั่งติดตั้งเบาะนั่งคู่หลังแบบแยกอิสระ ปรับระดับด้วยไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์พิเศษ คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของซาลูนสุดแรง 4 ที่นั่งได้ตามต้องการ Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo มีปริมาตรความจุห้อง เก็บสัมภาระ ท้ายที่ 425 ลิตร เบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับราบลงกับพื้นอย่างสมบูรณ์หรือแยกพับในสัดส่วน 40:20:40 ผ่านสวิทช์ ปลดล็อคระบบไฟฟ้าภายในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เมื่อคิดจากพื้นรถจรดแนวหลังคา ปริมาตราความจุเพิ่มขึ้นสูงสุด ถึง1,295 ลิตร

Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo คือศูนย์รวมเทคโนโลยีล้ำอนาคตทั้งหมดของสปอร์ตซีดาน เจเนอเรชั่นที่ 2 ประกอบด้วย ระบบควบคุมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นล่าสุด Porsche Advanced Cockpit ระบบช่วยเหลือการขับขี่อันยอดเยี่ยม อาทิ Porsche InnoDrive ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control และ ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง หรือ Rear-axle Steering เป็นอุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม

รวมไปถึงสปอยเลอร์หลังคาปรับระดับอัตโนมัติ อันเป็นนวัตกรรมสุดพิเศษที่มีเพียง Porsche Panamera  เท่านั้น ทั้งนี้ตำแหน่งของสปอยเลอร์หลังคาปรับระดับอัตโนมัติจะทำงานในสภาวการณ์ที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบ โดยการปรับองศานั้นขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่และการปรับตั้งจากแผงควบคุมในขณะนั้น ด้วยศักยภาพชั้นเลิศที่ สามารถสร้างแรงกดท้ายรถสูงสุดได้มากกว่า 50 กิโลกรัม เมื่อวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถทำหน้าที่ลดแรงต้านอากาศ ด้วยการปรับมุมการทำงานไปยังตำแหน่ง -7 องศา ผลลัพธ์คือ อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น และในระดับความเร็วที่สูงกว่า 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สปอยเลอร์หลังคาจะ ปรับมุมการทำงานไปที่ +1 องศา หรือตำแหน่ง “Performance” โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มเสถียรภาพและยึดเกาะ ในแนวราบ ทั้งนี้ในกรณีที่เลือกใช้งานรูปแบบการขับขี่ “Sport” และ “Sport Plus” สปอยเลอร์หลังคาจะได้รับ การปรับตั้งมายังตำแหน่งนี้ที่ระดับความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ระบบ PAA ยังสามารถทำหน้าที่ได้ด้วยการปรับตำแหน่งไปที่ 26 องศา ในกรณีที่เปิดหลังคาพาโนรามิก ขณะวิ่งด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรหรือสูงกว่าสปอยเลอร์หลังคาจะช่วยลดเสียงรบกวนจากอากาศภายนอกให้เหลือน้อยที่สุด

เพิ่มเติมอุปกรณ์มาตราฐานพร้อมติดตั้งระบบเบรกเซรามิก

Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ว ทั้งนี้อุปกรณ์มาตราฐานที่ได้รับการเพิ่มเติมได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC Sport) ระบบ Roll Stabilisation พร้อมระบบควบคุมแรงบิด Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ชุดเฟืองท้ายแบบ Differential Lock, ระบบเบรกเซรามิก สมรรถนะสูง Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB), ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ลาย 911 turbo, ระบบพวงมาลัย Power Steering Plus, ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chono Package และระบบปรับอากาศ Auxiliary air conditioning เช่นเดียวกับ Porsche Panamera Sport Turismo ทุกคัน ซึ่งมีพละกำลัง 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) ขึ้นไป รุ่นสูงสุดของสายพันธุ์สปอร์ตซีดานพลังแรง Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo จะได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติเทคโนโลยีล่าสุด Adaptive Three-chamber Air Suspension พร้อมระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ส่วนผสมอันสุดแสนลงตัวระหว่างสมรรถนะการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ตและความนุ่มนวลสะดวกสบายในการโดยสารตลอดการเดินทาง

0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.4 วินาที ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 33.3 กิโลเมตรต่อลิตร (3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร)

ในฐานะเดียวกับเรือธงรุ่นสูงสุดของตระกูลสปอร์ตซาลูนของ Porsche Panamera นั้น Porsche ตั้งใจที่จะบรรลุแหล่งกำเนิดพลังขับเคลื่อนที่ให้สมรรถนะชั้นเลิศจากนวัตกรรมเทคโนโลยีไฮบริดลงในตัวถังของ Spot Turismo เช่นกัน ทุกยุทธศาสตร์การพัฒนายนตกรรมล้ำสมัยจากสายการผลิตได้รับการนำมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive ใน Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo ที่ถ่ายทอดความเป็นเลิศมาจากรถซูเปอร์สปอร์ต Porsche 918 Spyder

Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ (550 แรงม้า/404 กิโลวัตต์) ทำงานร่วมกับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ก่อกำเนิดแรงบิดสูงสุดถึง 850 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบการทำงานเพียง 1,400 รอบต่อนาทีเท่านั้น อุปกรณ์ Decoupler ติดตั้งรวมอยู่กับ Hybrid module ทำงานด้วยระบบ Electromechanically ตัดต่อกำลังผ่านชุดคลัทช์ไฟฟ้า หรือ Electric Clutch Actuator ให้อัตราการตอบสนองที่รวดเร็วและนุ่มนวลยิ่งขึ้นอีกขั้น ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ Porsche Doppelkupplung (PDK) เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ฉับไว แม่นยำ

การผสานขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาดความจุกระบอกสูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ประสิทธิภาพสูง ผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกันของ 2 ระบบขับเคลื่อน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) ทันทีที่เข็มวัดตวัดขึ้นจากรอบเดินเบา แรงบิดระดับมหาศาลกว่า 850 นิวตันเมตรของ Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo ก็พร้อมตอบสนองอย่างเต็มสมรรถนะ ทั้งหมดทั้งมวลข้างต้น หมายถึงอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาที พุ่งทะยานต่อเนื่องไปแตะหลักความเร็วที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 8.5 วินาที เต็มพิกัดด้วยความเร็วสูงสุดถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ถึงแม้ยานยนต์ Plug-In ไฮบริด ของ Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo จะเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะเหนือระดับ แต่ผลการทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันเชื่อเพลิงตามมาตราฐาน New European Driving Cycle กลับให้ความประหยัดที่ไม่น่าเชื่อด้วยตัวเลขเพียง 33.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.0 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร และมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 17.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

Porsche  Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo ยอดเยี่ยมด้วยพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 49 กิโลเมตรพร้อมความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่มีการปล่อยมลภาวะออกมาแม้แต่น้อย เมื่อใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวหรืออาจกล่าวได้ว่าในสภาวะดังกล่าว นี่คือยานยนต์ไร้มลภาวะอย่างแท้จริง แบตเตอรี่ชนิด Lithium-Ion ศักยภาพสูงสามารถบรรจุพลังงานได้ถึง 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง และชาร์จคืนกลับจนเต็มภายในระยะเวลาตั้งแต่ 2.4 ถึง 6 ชั่วโมงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อ

เชิญรับชมภาพเคลื่อนไหวของ Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid Sport Turismo

https://www.youtube.com/watch?v=Mya0r6XF8Mc

เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Porsche Centre Bangkok  โทร. 02-522-6655

Porsche Centre Pattanakarn  โทร. 02-369-1111

Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911